ยโสธร นามเดิมว่า พวง เป็นคนในตระกูล ลุล่วง เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๖ พ. ค. ๒๔๗๐ ณ บ้านศรีฐาน ต. กระจาย อ. ลุมพุก จ. อุบลราชธานี (ปัจจุบันคือ ต. ศรีฐาน อ. ป่าติ้ว จ. ยโสธร) โดยพื้นแพครอบครัวของ หลวงตาพวง สุขินทริโย เป็นชาวนา นับถือศาสนาพุทธมาแต่ดั้งเดิม โยมบิดามารดามีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทําบุญตักบาตรหรือถวายภัตตาหารเป็นประจําทุกวันไม่ได้ขาด ยึดมั่นใน ขนบธรรมเนียมประเพณีมาโดยตลอด มีบุตรชายก็ต้องให้บวชพระเสียก่อนทุกคน ทั้งหลวงตาและน้องชาย คือ หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ หลังจากบวชตามประเพณีแล้วได้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงครองสมณเพศตลอดชีวิต หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีฐานใน ตําบลศรีฐาน อําเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ กุฏิภายในวัดศรีฐานใน อ. ยโสธร สิริอายุ ๘๖ ปี ๙ เดือน ๑๙ วัน พรรษา ๖๔) สภาพความเป็นอยู่ของบ้านศรีฐานในสมัยนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพทํานาเป็นหลัก ไม่ได้ทําไร่มันสําปะหลังหรือปลูกปอ เช่นปัจจุบัน ในสมัยก่อนชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างดี มีสัตว์ป่า ป่าไม้ พืชพรรณธัญญาหารอุดม สมบูรณ์ นอกจากนั้นชาวบ้านศรีฐานยังมีชื่อ เสียงด้านการทําหมอนขิด ส่งออกขายทั่วประเทศ หลวงตาพวง บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสระแก้ว อ.
ประัวัติ และปฏิปทา หลวงตาพวง สุขินทริโย (พระเทพสังวรญาณ) วัดศรีธรรมาราม อ. เมือง จ.
ของวันที่ 11 พ. พระครูพิพิธธรรมมาทร (หลวงพ่อหวั่น) ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ ที่โรงพยาบาลวังทรายพูน สิริอายุ 89 ปี 68 พรรษา สำหรับ พระครูพิพิธธรรมมาทร (หลวงพ่อหวั่น) เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังและเลืองชื่อด้านอยู่ยงคงกระพันและเมตตามหานิยม และมีวัตถุมงคลเป็นเหรียญรุ่นต่าง ๆ อย่างมากมาย พระครูพิพิธธรรมาทร เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ก. ย. พ. ศ. 2478 ที่บ้านคลองคูณ ม. 2 โดยเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 7 ก. 2499 ได้รับนามฉายาว่า "กุสลจิตโต" มีความหมายว่า ผู้มีจิตในธรรมอันเป็นกุศล ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดคลองคูณรูปที่ 9 ตั้งแต่ พ. 2505 เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาว อ. ตะพานหิน และจังหวัดใกล้เคียง กิจวัตรประจำวันท่านจะออกมานั่งรอต้อนรับญาติโยมและลูกศิษย์ ที่เดินทางมากราบนมัสการทุกวัน มีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์อย่างเท่าเทียมกันหมด และกิจกรรมที่เห็นเป็นประจำทุกวัน คือ อาบน้ำมนต์เสริมดวงชะตาทุกวันหลังเพล
12 พ. ค. 2564 เวลา 16:12 น. ศิษยานุศิษย์เศร้า สิ้น พระครูพิพิธธรรมาทร หรือ หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต เจ้าอาวาส วัดคูณ ต. คลองคูณ อ. ตะพานหิน จ. พิจิตร ซึ่งเป็นพระเกจิชื่อดัง ได้ถึงแก่การมรณภาพแล้วเมื่อวันที่ 11 พ. ที่ผ่านมา ศิษยานุศิษย์ต่างโศกเศร้าหลังทราบข่าวสิ้นพระครูพิพิธธรรมาทร หรือ หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต เจ้าอาวาส วัดคูณ ต. พิจิตร ซึ่งเป็นพระ เกจิดัง ได้ถึงแก่การ มรณภาพ แล้วเมื่อวันที่ 11 พ. ที่ผ่านมา เวลา 17. 00 น. ที่โรงพยาบาลวังทรายพูน อ. วังทรายพูน จ. พิจิตร ซึ่งหลวงพ่อหวั่น ได้เกิดอาการอาพาธจากโรคประจำตัวหลายโรค โดยเมื่อวันที่ 21 มี. ที่ผ่านมา คณะแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพฯ ได้นิมนต์หลวงพ่อหวั่นกลับมารักษาที่โรงพยาบาลวังทรายพูน ด้วยอาการอาพาธเส้นเลือดฝอยในสมองแตก กระทั่งเมื่อวันที่ 11 พ. หลวงพ่อหวั่น มีอาการไข้ ความดันโลหิตต่ำ ฉันท์ภัตตาหารทางสายยางได้น้อยลง และมีอาการปอดติดเชื้อร่วมกับอาการอาพาธเดิมก็คือ ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ มีเลือดเป็นกรด สมดุลเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ คณะแพทย์จึงถวายการรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดความเป็นกรดของเลือด แต่อาการอาพาธไม่ดีขึ้นและทรุดลงตามลำดับ จนกระทั่งเวลา 17.
00 น. ของวันนี้ 11 พฤษภาคม พระครูพิพิธธรรมมาทร (หลวงพ่อหวั่น) ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ ที่โรงพยาบาลวังทรายพูน สิริอายุ 89 ปี พรรษาที่ 68 สำหรับพระครูพิพิธธรรมมาทร (หลวงพ่อหวั่น) เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังและเลืองชื่อด้านอยู่ยงคงกระพันธ์และเมตตามหานิยม และมีวัตถุมงคลเป็นเหรียญรุ่นต่างๆ อย่างมากมาย พระครูพิพิธธรรมาทร" หรือ "หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต" เจ้าอาวาสวัดคลองคูณ ต. คลองคูณ อ. ตะพานหิน จ. พิจิตร เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ, ศ. 2478 ที่บ้านคลองคูณ หมู่ 2 โดยเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 7 ก. ค. 2499 ได้รับนามฉายาว่า "กุสลจิตโต" มีความหมายว่า ผู้มีจิตในธรรมอันเป็นกุศล ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดคลองคูณรูปที่ 9 ตั้งแต่ พ. ศ. 2505 หลวงพ่อหวั่นเป็นพระเกจิที่มีปฏิปทางดงาม เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาว อ. ตะพานหิน และจังหวัดใกล้เคียง กิจวัตรประจำวันท่านจะออกมานั่งรอต้อนรับญาติโยมและลูกศิษย์ ที่เดินทางมากราบนมัสการทุกวัน มีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์อย่างเท่าเทียมกันหมด และกิจกรรมที่เห็นเป็นประจำทุกวัน คือ อาบน้ำมนต์เสริมดวงชะตาทุกวันหลังเพล ส่วนเจิมกระหม่อม เจิมรถ จะอนุเคราะห์ตั้งแต่เช้าจนถึงเพล ชื่อเสียงของหลวงพ่อหวั่นโด่งดัง เป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ศิษย์ยิ่งนัก ถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์และจริยวัตร ทำให้ท่านได้รับกิจนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพื้นที่ภาคกลาง และพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลสำคัญทั่วประเทศ